ตุ๊กแก






        กลายเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนขึ้นมาในทันที ตุ๊กแกตัวละ 200,000 บาทใครบ้างจะเชื่อว่าเจ้าสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งอาจจะน่าขยะแขยงในใจใครหลาย ๆ คน วันนี้กลายเป็น ินค้าสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ได้
บุคคลที่จุดประกายให้ตุ๊กแกกลายเป็นสินค้ายอดนิยมและกลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ในวันนี้ก็ นายจิรายุสต์ หรือบังบ่าว เอียดตรง อายุ 42 ปี ภูิลำเนาอยู่ ต.โพรงจระเข้ .ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้ประกาศรับซื้อตุ๊กแกอย่างไม่ั้น เนื่องจากมีพ่อค้าชาวมาเลเซียมากว้านซื้ ตุ๊กแกพันธุ์พื้นบ้านจำนวนมาก
โดยขนาดของตุ๊กแกที่พ่อค้ามาเลเซียต้องการ จะต้องมีน้ำหนัก 3.2 ขีด รับซื้อราคา 13,000 บาท น้ำหนัก 3.5 ขีด ราคา 20,000 บาท น้ำหนัก 4 ขีด ราคา 30,000 บาท น้ำหนัก 5.2 ขีด ราคา 60,000 บาท และน้ำหนัก 1 กก. ราคาสูงถึงตัวละ 200,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการรับซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตด้วย
นายจิรายุสต์ เล่าว่า เท่าที่รู้ข้อมูลพ่อค้าชาวมาเลเซียต้องการเซลล์ส่วนหางของตุ๊กแกไปสกัดทำยา รักษาโรค ไม่ทราบชนิดโรคแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวพันกับโรคเอชไอวี (เอดส์) หรือโรคมะเร็ง ทำให้ชาวบ้านแห่ไปจับตุ๊กแกนำมาขายให้ทุก ๆ วัน ก็เลือกเอาตามขนาดที่ต้องการ หากน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ก็ไม่เอา เพราะขายต่อไม่ได้
นั่นคือข่าวการซื้อตุ๊กแกจนสร้างความฮือฮา จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ตุ๊กแก (Gecko) จัดอยู่ในไฟลัม สัตว์มีแกนสันหลังในชั้นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง มีด้วยกันหลายสี เช่น น้ำตาล เทา ดำ ฟ้าอ่อน และมีลายจุดสีส้มทั่วตัว (คล้ายเสือดาว) สามารถปรับสีได้ตามสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ ดวงตาไม่มีเปลือกตาปกปิด ขนาดความยาวของลำตัวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30 ซม. อาหารโปรดคือแมลง
ตุ๊กแกสามารถพบเห็นได้ทั่วไป อาศัยอยู่ในป่าและบ้านเรือน ชอบมุมมืดปราศจากสิ่งรบกวน ออกลูกเป็นไข่และมีนิสัยชอบส่งเสียงร้อง ตุ๊กแก ตุ๊กแกติดต่อกันหลายครั้ง
คุณสมบัติพิเศษของตุ๊กแก สามารถยึดเกาะผนังต่าง ๆ ได้อย่างเหนียวแน่นมาก เนื่องจากฝ่าเท้ามีขนเล็ก ๆ มากกว่า 1,000 เส้น ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า เซต้าแต่ละเส้นบริเวณปลายแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอีกกว่า 1,000 แฉก แต่ละแฉกมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 200 นาโนเมตร
ที่ผ่านมาตุ๊กแกเคยปรากฏเป็นข่าวและสารคดีมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะชาวบ้านตาลบ ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม สร้างความฮือฮาในการเลี้ยงตุ๊กแกอบแห้ง สร้างงานทำเงินให้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ยังเพาะพันธุ์ไส้เดือน และปลิง ทำเป็นผลิตภัณฑ์ตากแห้ง เป็นสินค้าส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ ได้รับการตอบรับดีมาก ลูกค้าชาวต่างชาติรับซื้อนำไปปรุงอาหารและผสมทำยารักษาโรคหรือยาชูกำลัง
เจ้าของฟาร์มตุ๊กแกรายหนึ่งใน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตุ๊กแกตากแห้งเป็นสินค้าขายดี ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ มีทั้งไปหาจับตามบ้านเรือน รวมทั้งเพาะเลี้ยงเป็นฟาร์มขึ้นมาเอง โดยจะนำมาแปรรูปให้ได้มาตรฐาน นำไปตากแห้งหรืออบก่อนแพ็กขายส่งออกไปประเทศจีน ไต้หวัน ราคาเฉลี่ยตัวละ 30-40 บาท แต่ละเดือนมีเงินหมุนเวียนสะพัดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน สร้างรายได้ให้ชาวบ้านเฉลี่ยครอบครัวละ 5,000-10,000 บาทต่อเดือน
ปัญหาตุ๊กแกจะสูญพันธุ์นั้นไม่มีแน่นอน ระยะเวลาเพียง 1 ปี ตุ๊กแกจะผสมพันธุ์และออกไข่ในช่วงเดือน ต.ค.-ม.ค. ค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญตุ๊กแกที่ชาวบ้านจับมาขายมักเป็นตุ๊กแกตามบ้านเรือน ไม่ใช่ตุ๊กแกในป่าเจ้าของฟาร์มแสดงทรรศนะ
เรื่องราวเกี่ยวกับตุ๊กแกนี้ สมัยโบราณหมอพื้นบ้านแถวภาคเหนือจะนำตุ๊กแก หรือต๊กโต ใช้ผสมยารักษาโรคหอบหืด โดยนำไปตากแห้งแล้วต้มรับประทาน คนจีนนิยมเรียกว่า กาบก่ายและตามหลักวิทยาศาสตร์ตุ๊กแกถือเป็นแหล่งโปรตีน   ชั้นดี
ขณะเดียวกันในพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2537 ได้กำหนดสายพันธุ์ตุ๊กแกที่ห้ามเลี้ยงและจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง 10 ชนิด ได้แก่ ตุ๊กแกเขาหินทราย, ตุ๊กกายหรือตุ๊กแกป่าทุกชนิด, ตุ๊กแกบ้านสีเทา, ตุ๊กแกบิน, ตุ๊กแกป่ากำพลหรือจิ้งจกนิ้วยาวกำพล, ตุ๊กแกป่าคอส้มหรือจิ้งจกนิ้วยาวมลายู, ตุ๊กแกป่าไทยหรือจิ้งจกนิ้วยาว, ตุ๊กแกป่าอินเดียหรือจิ้งจกนิ้วยาวอินเดีย, ตุ๊กแกหลังจุดคู่ และตุ๊กแกหัวโต
มีอยู่ช่วงหนึ่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สนับสนุนการเลี้ยงตุ๊กแกเป็นสัตว์เศรษฐกิจ เพราะเห็นว่า มีโอกาสเติบโตในตลาดต่างประเทศค่อนข้างสูงและได้รับความนิยมกันมาก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ชาวบ้านบางท้องถิ่น
แม้ตุ๊กแกจะน่ากลัวในสายตาหลาย ๆ คน แต่ความน่ากลัวก็แฝงประโยชน์ไว้ไม่น้อย ตุ๊กแก เป็นสัตว์เลื้อยคลานกินแมลง เป็นตัวควบคุมประชากรของแมลงเป็นอย่างดีในระบบนิเวศตามธรรมชาติ ที่น่าสนใจคือ ตุ๊กแก มีประโยชน์ทางยา สร้างความแข็งแรงและภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้ตุ๊กแกกำลังจะกลายเป็นสัตว์ทำเงิน สร้างรายได้งาม เมื่อมีการนำเซลล์ไปสกัดทำยารักษาโรค
ยิ่งถ้าหากมีผลวิจัยชัดเจนว่ารักษาโรคเอดส์และโรคมะเร็งได้ด้วยละก็ รับรองอนาคตตุ๊กแกทุกสายพันธุ์จะกลายเป็นสิ่งมีค่า ราคาแพงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น